1 ความคิดรวบยอด
จุดมอเตอร์ (motor point)
คือจุดที่เนื้อเยื่อที่ไวต่อตัวกระตุ้น (excitability tissue) มี threshold
ต่อการตอบสนองต่อตัวกระตุ้นที่ต่ำที่สุด ทำให้ใช้ปริมาณตัวกระตุ้นเพียงเล็กน้อย
(โดยเฉพาะตัวกระตุ้นไฟฟ้า) เพื่อให้เกิดการตอบสนองของเนื้อเยื่อที่มากที่สุด
โดยทั่วไปมักเป็นจุดที่ใยประสาทยนต์แทงเข้าสู่ใยกล้ามเนื้อ จุดมอเตอร์แบ่งได้เป็นจุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อ
และจุดมอเตอร์ของเส้นประสาทยนต์ ในทางคลินิกมักใช้จุดมอเตอร์เป็นจุดที่วางขั้วกระตุ้น
เนื่องจากเป็นจุดที่ใช้ปริมาณกระแสไฟฟ้าน้อยที่สุด เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อมากที่สุด
เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อยที่สุด ลดผลแทรกซ้อนต่างๆที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าได้มากที่สุด
2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
เมื่อจบการเรียนการสอนนี้แล้ว นักศึกษาสามารถ
1. อธิบายความหมายของจุดมอเตอร์ได้
2. อธิบายตำแหน่งและประโยชน์ของจุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อและเส้นประสาททางคลินิกได้
3. แสดงวิธีการหาจุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทยนต์ของแขน
ขา ลำตัว และใบหน้าในคนปกติ
3. เนื้อหา
1.จุดมอเตอร์ (motor point) เป็นจุดที่เนื้อเยื่อที่ไวต่อตัวกระตุ้น
(excitability tissue) มี threshold ต่อการตอบสนองต่อตัวกระตุ้นที่ต่ำที่สุด
(โดยเฉพาะตัวกระตุ้นไฟฟ้า)
2.การวางขั้วกระตุ้นที่ตำแหน่งจุดมอเตอร์ทำให้ใช้ปริมาณไฟฟ้าน้อยที่สุด
และทำให้เกิดการตอบสนองของเนื้อเยื่อโดยการหดตัวมากที่สุด
3.จุดมอเตอร์มักเป็นจุดที่ใยประสาทแทงเข้าสู่ใยกล้ามเนื้อ
ซึ่งในกล้ามเนื้อปกติมักจะอยู่ประมาณ 1/3 ตอนบนของกล้ามเนื้อมัดนั้น
4.ผิวหนังที่หยาบแห้ง บวม หรือมีไขมันมากๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความต้านทานไฟฟ้าสูง
มักจะหาจุดมอเตอร์ได้ยาก
5.จุดมอเตอร์สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ จุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อซึ่งมักอยู่บริเวณกล้ามเนื้อนั้น
และจุดมอเตอร์ของเส้นประสาทมักเป็นจุดที่เส้นประสาทอยู่ตื้นต่อผิวหนังนั้น
6.การกระตุ้นไฟฟ้าที่จุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อมัดนั้นหดตัว
แต่หากกระตุ้นที่จุดมอเตอร์ของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อต่างๆหรือกลุ่มกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทนั้นหดตัวพร้อมกัน
และหดตัวแรงกว่าไม่ได้กระตุ้นที่จุดมอเตอร์
7.ในทางคลินิกมักใช้จุดมอเตอร์เป็นจุดวางขั้วกระตุ้น เนื่องจากเป็นจุดที่ใช้ปริมาณกระแสไฟฟ้าน้อยที่สุด
ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อย สามารถลดผลแทรกซ้อนต่างๆที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า
8.วิธีการหาจุดมอเตอร์ คือการหาจุดหรือตำแหน่งวางขั้วกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการตอบสนองต่อกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด
โดยใช้ความเข้มของกระแสน้อยและช่วงกระตุ้นที่สั้นที่สุด การหาจุดมอเตอร์มักใช้เทคนิคกระตุ้นแบบ
monopolar และใช้ขั้วกระตุ้นชนิดมือถือเพื่อให้ได้จุดที่ต้องการ
4. กิจกรรมการเรียนการสอน
4.1 ขั้นนำ
ผู้สอนทบทวนเรื่องการกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
และชี้ประเด็นให้เห็นว่า กระแส IDC ที่สามารถทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อนั้น
ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นควรจะเป็นตำแหน่งที่ใช้กระแสไฟที่น้อยที่สุด
เพราะจะทำให้ผู้ถูกกระตุ้นรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด จุดนั้นคือ จุดมอเตอร์หรือ
motor point นั่นเอง จากนั้นแจ้งวัตถุประสงค์และกิจกรรมการเรียนการสอน
4.2 ขั้นสอน: เสนอปัญหา/เนื้อหา
ผู้สอนสาธิตลำดับขั้นตอนของการหาจุดมอเตอร์ โดยใช้อาสาสมัครจากผู้เรียนเป็นหุ่น
และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนสังเกต บันทึกลำดับขั้นตอนการหาจุดมอเตอร์
หากมีข้อสงสัยก็ให้ผู้เรียนสอบถามให้เกิดความกระจ่างได้ทันที จากนั้นผู้สอนแจกใบงานซึ่งเป็นประเด็นปัญหาให้กับผู้เรียนแต่ละคนในกลุ่มย่อย
4.2.1 ขั้นพัฒนาทักษะ
ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติกันเอง
โดยการจับคู่กับเพื่อนสลับกันเป็นหุ่นและผู้กระตุ้น พยายามกระตุ้นตามคู่มือปฏิบัติการจนเกิดความมั่นใจ
รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นขณะทำการกระตุ้น
4.2.2 กิจกรรมไตร่ตรองรายบุคคล
ผู้เรียนทำความเข้าใจกับใบงานซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้กระแสไฟฟาราดิก
ในกรณีผู้ป่วยต่างๆ เช่น กระตุ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรง การฝึกการทำงานใหม่ของกล้ามเนื้อ
กระตุ้นเพื่อลดบวม กระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ และการกระตุ้นเพื่อแก้ไขอาการคดของแนวกระดูกสันหลัง
และการเลือกใช้เทคนิคและวิธีการกระตุ้นผู้ป่วยในกรณีต่างๆ โดยการคิดพิจารณาด้วยตนเองอย่างอิสระตามลำพัง
ห้ามมิให้ปรึกษาหารือกัน ผู้เรียนสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากเอกสารประกอบการสอนหรือหนังสือในห้องสมุดเพิ่มเติมได้
โดยผู้สอนพยายามกระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้เรียนอ่านและตอบประเด็นปัญหาในใบงาน
อย่างไตร่ตรอง และพยายามสรุปประเด็นเนื้อหาและหาคำตอบในใบงานเป็นคำพูดของตนเอง
และพยายามเขียนเป็นแผนภูมิ หรือ concept map เพื่ออธิบายให้เพื่อนในกลุ่มย่อยต่อไป
4.2.2 กิจกรรมไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อย
หลังจากที่ผู้เรียนได้มีโอกาสใช้กระบวนการคิดของตนเองแล้ว
ให้ผู้เรียนได้รวมกลุ่มย่อยกับเพื่อนที่ได้แบ่งกันไว้แล้ว เพื่อให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของตนเองกับเพื่อนๆสมาชิกในกลุ่ม
ได้มีโอกาสเปรียบเทียบในสิ่งที่ตนเองคิดกับผู้อื่นโดยการนำเสนอเนื้อหาของตนเองที่ได้บันทึกไว้กับเพื่อนในกลุ่มซึ่งขณะที่นั่งฟังเพื่อนนำเสนอ
ร่วมกันอภิปรายและช่วยกันสรุปแนวคิดดังกล่าวนั้นให้เป็นแนวคิดของกลุ่ม
ในรูปแผนภูมิมโนมติ (concept map) หรือตารางเพื่อนำเสนอในกลุ่มใหญ่ต่อไป
4.2.3 การเสนอผลและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อกลุ่มใหญ่
ผู้สอนสุ่มกลุ่มผู้เรียนให้ส่งตัวแทนของกลุ่มเพื่อนำเสนอแนวคิดต่อประเด็นที่ให้ตามใบงานของกลุ่มต่อกลุ่มใหญ่
โดยผู้สอนเร่งเร้าการมีส่วนร่วมของกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายแสดงเหตุผลและความคิดเห็นของตน
ของกลุ่มย่อย ต่อกลุ่มใหญ่รวมเป็นความคิดเห็นของชั้น
4.3 ขั้นสรุป
ผู้สอนร่วมกับผู้เรียนร่วมกันสรุปแนวคิด
หลักการ หรือความคิดรวบยอดของทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และสรุปเนื้อหาตามหลักสูตร
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถามประเด็นที่สงสัยทั้งหมด
โดยเฉพาะในจุดที่ยังไม่เข้าใจ โดยผู้สอนจะอธิบายเพิ่มเติมจนผู้เรียนเกิดความเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน
4.5 ขั้นพัฒนาการนำไปใช้
ผู้สอนเสนอประเด็นปัญหาเพื่อให้ผู้เรียนค้นคว้าผ่าน
web page ในหัวข้อการประยุกต์ใช้เทคนิค iontophoresis ทางการแพทย์ปัจจุบัน:
ความก้าวหน้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
5. การประเมินผล
เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนแล้วผู้สอนจะประเมินผลการเรียนการสอนดังต่อไปนี้
1. ประเมินความรู้ความเข้าใจตามเนื้อหาในบทเรียน
โดยการสอบย่อยท้ายในแต่ละเรื่อง โดยที่ทุกคนจะต้องทำข้อสอบอย่างเต็มความสามารถ
โดยไม่ช่วยเหลือกันพยายามทำข้อสอบให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของตนเองและเพื่อให้กลุ่มประสบผลสำเร็จในที่สุด
2. ประเมินความรู้ความเข้าใจในบทเรียนโดยใช้ผลงานผู้เรียนเป็นหลัก
แบ่งออกเป็น
1) ผลงานรายบุคคล เป็นผลงานที่ผู้เรียนแต่ละคนปฏิบัติขณะร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน
2) ผลงานของกลุ่ม เป็นผลงานที่ผู้เรียนปฏิบัติร่วมกันเป็นกลุ่มในระหว่างที่ร่วมกิจกรรม
3. การสะท้อนผลการทำงานของกลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มประเมินการทำงานของตนเอง
แล้วเสนอผลการประเมิน และสิ่งที่ต้องการปรับปรุงต่อไป
4. ประเมินกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
โดยคณาจารย์ผู้ร่วมสอน โดยการสังเกตการทำกิจกรรมของผู้เรียนด้วยแบบประเมินพฤติกรรม
และสุ่มสัมภาษณ์ผู้เรียนโดยแบบสัมภาษณ์
แนวคำถามแผนการสอนที่
8
1. หากต้องการกระตุ้นกล้ามเนื้อ biceps brachealis
ให้เกิดการหดตัวแรงที่สุด โดยใช้กระแสไฟที่น้อยที่สุด จะมีวิธีการกระตุ้นอย่างไร
1. ใช้กระแสไฟที่กระตุ้น
ชนิดใด เพราะเหตุใด
2. จะใช้เทคนิคการกระตุ้นอย่างไร?
3. จะปรับช่วงกระตุ้นและช่วงพักอย่างไร?
4. มีลำดับขั้นตอนการกระตุ้นอย่างไร?
2. หากเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อที่ต้องการกระตุ้นนั้นถูกตัดขาด
ท่านจะมีวิธีการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อนั้นเกิดการหดตัวได้อย่างไร
1. ใช้กระแสไฟที่กระตุ้น
ชนิดใด เพราะเหตุใด
2. จะใช้เทคนิคการกระตุ้นอย่างไร?
3. จะปรับช่วงกระตุ้นและช่วงพักอย่างไร?
4. มีลำดับขั้นตอนการกระตุ้นอย่างไร?
3. ให้แต่ละกลุ่มออกมาแข่งกันกระตุ้นหาจุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อแขน
3 มัด ภายใน 5 นาที
ใบงานแผนการสอนที่
8
-------------------------------------------------------------
1. คำชี้แจง
1. หลังจากนักศึกษาไได้ฝึกปฏิบัติการหาจุดมอเตอร์แล้ว
ให้พิจารณาประเด็นปัญหาที่ให้ โดยนักศึกษาจะต้องเป็นผู้พิจารณาด้วยตนเอง
โดยไม่ปรึกษาหารือผู้อื่น ใช้เวลา ประมาณ 20 นาที
2. จากนั้นให้นักศึกษารวมกลุ่มย่อย และปรึกษาหารือกัน
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันกับเพื่อนๆในกลุ่ม เป็นเวลาประมาณ
20 นาที
3. นำเสนอข้อสรุปที่ได้ในกลุ่ม ใช้เวลากลุ่มละ 5 นาที
----------------------------------------------------------------
1) จงให้คำจำกัดความของจุดมอเตอร์
ที่ท่านคิดว่าเหมาะสมที่สุด
2) จุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทต่างกันอย่างไร
และท่านจะทราบได้อย่างไรว่า จุดดังกล่าวนั้น เป็นจุดมอเตอร์ของกล้ามเนื้อหรือจุดมอเตอร์ของเส้นประสาท
จงอธิบายเหตุผลสนับสนุนประเด็นดังกล่าว
3) ตำแหน่งที่เป็นจุดมอเตอร์มักเป็นจุดเดียวกับจุดใดได้บ้าง
จงยกตัวอย่างจุดที่มักเป็นจุดเดียวกับจุดมอเตอร์
4) ท่านคิดว่าจุดมอเตอร์มีประโยชน์อะไรบ้าง
จงบอกประโยชน์ของจุดมอเตอร์และเหตุผลสนับสนุน
5) ท่านคิดว่าข้อจำกัดของการหาจุดมอเตอร์มีอะไรบ้าง
จงอธิบายพร้อยยกตัวอย่างประกอบ
6) ลำดับขั้นตอนของการหาจุดมอเตอร์ของท่าน
เป็นอย่างไร
1.
เพราะเหตุใด จึงมีลำดับขั้นตอนดังกล่าว
2.
เทคนิคที่ดีที่สุดในการหาจุดมอเตอร์เป็นอย่างไร
3.
มีปัญหาและอุปสรรคอย่างไรบ้างขณะฝึกปฏิบัติการ
4.
ท่านเห็นด้วยกับลำดับขั้นตอนที่ผู้สอนสาธิตไว้หรือไม่อย่างไร
7) ท่านสามารถอธิบายปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไขปัญหา
ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ได้หรือไม่ อย่างไร
1.
กล้ามเนื้อที่ต้องการกระตุ้นไม่เกิดการหดตัว หรือหดตัวน้อย
2.
กล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการกระตุ้นหดตัว หรือหดตัวมากกว่ากล้ามเนื้อที่ต้องการกระตุ้น
3.
ขณะทำการกระตุ้นแล้วผู้ถูกกระตุ้นรู้สึกเจ็บมาก และทนไม่ไหว
4.
ผู้ถูกกระตุ้นรู้สึกเจ็บแสบ และคันบริเวณที่ถูกกระตุ้นมาก
5.
อื่นๆ ่
-----------------------------------------------------------
|