1 ความคิดรวบยอด
กระแสไฟฟาราดิกมักเป็นกระแสไฟ
IDC ที่ปล่อยออกเป็นชุดๆ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าโดยทั่วไปสามารถปรับช่วงเวลากระตุ้นระหว่างชุดของกระแส
ที่เรียกว่า surge on และ surge off (ช่วงกระตุ้นส่วนที่เป็น IDC ของกระแสไม่สามารถปรับค่าได้
มักถูกกำหนดมาจากโรงงาน) การกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟาราดิก
จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวแบบเกร็ง (tetanic contraction) จึงมักใช้กระแสไฟฟาราดิกในการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยง
เช่น 1) กระตุ้นเพื่อฝึกความแข็งแรง 2) กระตุ้นเพื่อลดบวม 3) กระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ
4) กระตุ้นเพื่อแก้ไขแนวกระดูกสันหลังคด 5) กระตุ้นเพื่อแก้ไขกระเพาะปัสสาวะที่ทำงานผิดปกติ
2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
เมื่อจบการเรียนการสอนนี้แล้ว นักศึกษาสามารถ
1. อธิบายลักษณะเฉพาะของกระแสไฟฟาราดิกได้
2. อธิบายการประยุกต์ใช้กระแสไฟฟาราดิกในทางคลินิก
3. แสดงวิธีการกระตุ้นเพื่อลดบวมด้วยกระแสไฟฟาราดิกได้
4. แสดงวิธีการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟาราดิกในน้ำได้
3. เนื้อหา
1. กระแสไฟฟาราดิกมักใช้กระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยง
2. เทคนิคการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟาราดิกทางคลินิกได้แก่
1) การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 2) กระตุ้นเพื่อลดบวม 3) กระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ
4) กระตุ้นเพื่อแก้ไขแนวกระดูกสันหลังคด 5) กระตุ้นเพื่อแก้ไขกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ
3. เทคนิคการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟาราดิกสามารถใช้ได้ทั้ง
monopolar และbipolar technique
4. การใช้กระแสไฟฟาราดิกกระตุ้นมักจะปรับกระแสไฟให้เห็นการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่
โดยที่ผู้ถูกกระตุ้นสามารถทนต่อกระแสไฟได้
5. การปรับช่วงที่ปล่อยกระแสและช่วงพักให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งค้างช่วงละประมาณ
6 วินาที เพื่อเลียนแบบการหดตัวตามธรรมชาติของกล้ามเนื้อ
4. กิจกรรมการเรียนการสอน
4.1 ขั้นนำ
ผู้สอนทบทวนเรื่อง กระแสไฟ IDC และเทคนิคการใช้กระแสไฟ
IDC ในชั่วโมงที่ผ่านมา และชี้ประเด็นให้เห็นว่า กระแส IDC เกิดจากกระแสไฟแกลแวนิกที่ปรับให้มีช่วงพักสลับกับช่วงกระตุ้น
และสามารถทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อปกติ และกล้ามเนื้อที่ขาดเส้นประสาทมาเลี้ยง
ทั้งนี้ขึ้นกับการปรับลักษณะของรูปคลื่น ช่วงกระตุ้น และช่วงพักที่เหมาะสม
จากนั้นแจ้งวัตถุประสงค์และกิจกรรมการเรียนการสอน
4.2 ขั้นสอน: เสนอปัญหา/เนื้อหา
ผู้สอนนำวิดีทัศน์ตัวอย่างเครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อเพื่อลดความอ้วน
และเพิ่มความแข็งแรงของกล้าม เนื้อให้ผู้เรียนพิจารณา และแจกใบงานซึ่งเป็นประเด็นปัญหาให้กับผู้เรียนแต่ละคนในกลุ่มย่อย
4.2.1 กิจกรรมไตร่ตรองรายบุคคล
ผู้เรียนทำความเข้าใจกับใบงานซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้กระแสไฟฟาราดิก
ในกรณีผู้ป่วยต่างๆ เช่น กระตุ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรง การฝึกการทำงานใหม่ของกล้ามเนื้อ
กระตุ้นเพื่อลดบวม กระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ และการกระตุ้นเพื่อแก้ไขอาการคดของแนวกระดูกสันหลัง
และการเลือกใช้เทคนิคและวิธีการกระตุ้นผู้ป่วยในกรณีต่างๆ โดยการคิดพิจารณาด้วยตนเองอย่างอิสระตามลำพัง
ห้ามมิให้ปรึกษาหารือกัน ผู้เรียนสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากเอกสารประกอบการสอนหรือหนังสือในห้องสมุดเพิ่มเติมได้
โดยผู้สอนพยายามกระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้เรียนอ่านและตอบประเด็นปัญหาในใบงาน
อย่างไตร่ตรอง และพยายามสรุปประเด็นเนื้อหาและหาคำตอบในใบงานเป็นคำพูดของตนเอง
และพยายามเขียนเป็นแผนภูมิ หรือ concept map เพื่ออธิบายให้เพื่อนในกลุ่มย่อยต่อไป
4.2.2 กิจกรรมไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อย
หลังจากที่ผู้เรียนได้มีโอกาสใช้กระบวนการคิดของตนเองแล้ว
ให้ผู้เรียนได้รวมกลุ่มย่อยกับเพื่อนที่ได้แบ่งกันไว้แล้ว เพื่อให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของตนเองกับเพื่อนๆสมาชิกในกลุ่ม
ได้มีโอกาสเปรียบเทียบในสิ่งที่ตนเองคิดกับผู้อื่นโดยการนำเสนอเนื้อหาของตนเองที่ได้บันทึกไว้กับเพื่อนในกลุ่มซึ่งขณะที่นั่งฟังเพื่อนนำเสนอ
ร่วมกันอภิปรายและช่วยกันสรุปแนวคิดดังกล่าวนั้นให้เป็นแนวคิดของกลุ่ม
ในรูปแผนภูมิมโนมติ (concept map) หรือตารางเพื่อนำเสนอในกลุ่มใหญ่ต่อไป
4.2.3 การเสนอผลและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อกลุ่มใหญ่
ผู้สอนสุ่มกลุ่มผู้เรียนให้ส่งตัวแทนของกลุ่มเพื่อนำเสนอแนวคิดต่อประเด็นที่ให้ตามใบงานของกลุ่มต่อกลุ่มใหญ่
โดยผู้สอนเร่งเร้าการมีส่วนร่วมของกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายแสดงเหตุผลและความคิดเห็นของตน
ของกลุ่มย่อย ต่อกลุ่มใหญ่รวมเป็นความคิดเห็นของชั้น
4.3 ขั้นสรุป
ผู้สอนร่วมกับผู้เรียนร่วมกันสรุปแนวคิด
หลักการ หรือความคิดรวบยอดของทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และสรุปเนื้อหาตามหลักสูตร
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถามประเด็นที่สงสัยทั้งหมด
โดยเฉพาะในจุดที่ยังไม่เข้าใจ โดยผู้สอนจะอธิบายเพิ่มเติมจนผู้เรียนเกิดความเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน
4.4 ขั้นพัฒนาทักษะ
1.ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติการเอง
โดยการจับคู่กับเพื่อนสลับเป็นหุ่นและผู้กระตุ้น โดยการกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณแขน
ด้วยกระแสไฟฟ้าชนิดต่างๆ โดยใช้เทคนิคกระตุ้นหลายชนิด ตามคู่มือปฏิบัติการจนเกิดความมั่นใจ
รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นขณะทำการกระตุ้น
2.ร่วมกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายผลและปัญหาที่แต่ละคนพบจากการฝึก
สรุปปัญหา และส่งตัวแทนเพื่อนำเสนอประเด็นปัญหาที่ได้รับมอบหมาย 3.เปรียบเทียบกับชนิดของเครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทแต่ละชนิด
4.5 ขั้นพัฒนาการนำไปใช้
ผู้สอนเสนอประเด็นปัญหาเพื่อให้ผู้เรียนค้นคว้าผ่าน
web page ในหัวข้อการประยุกต์ใช้เทคนิค iontophoresis ทางการแพทย์ปัจจุบัน:
ความก้าวหน้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยส่งรายงานภายใน 2 สัปดาห์
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนนำเสนอผลงานและปัญหาของกลุ่มระหว่างการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
5. การประเมินผล
เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนแล้วผู้สอนจะประเมินผลการเรียนการสอนดังต่อไปนี้
1. ประเมินความรู้ความเข้าใจตามเนื้อหาในบทเรียน
โดยการสอบย่อยท้ายในแต่ละเรื่อง โดยที่ทุกคนจะต้องทำข้อสอบอย่างเต็มความสามารถ
โดยไม่ช่วยเหลือกันพยายามทำข้อสอบให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของตนเองและเพื่อให้กลุ่มประสบผลสำเร็จในที่สุด
2. ประเมินความรู้ความเข้าใจในบทเรียนโดยใช้ผลงานผู้เรียนเป็นหลัก
แบ่งออกเป็น
1) ผลงานรายบุคคล เป็นผลงานที่ผู้เรียนแต่ละคนปฏิบัติขณะร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน
2) ผลงานของกลุ่ม เป็นผลงานที่ผู้เรียนปฏิบัติร่วมกันเป็นกลุ่มในระหว่างที่ร่วมกิจกรรม
3. การสะท้อนผลการทำงานของกลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มประเมินการทำงานของตนเอง
แล้วเสนอผลการประเมิน และสิ่งที่ต้องการปรับปรุงต่อไป
4. ประเมินกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
โดยคณาจารย์ผู้ร่วมสอน โดยการสังเกตการทำกิจกรรมของผู้เรียนด้วยแบบประเมินพฤติกรรม
และสุ่มสัมภาษณ์ผู้เรียนโดยแบบสัมภาษณ์
แนวคำถามแผนการสอนที่
7
1. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างลักษณะของกระแสและเทคนิคการกระตุ้นด้วยกระแสไฟ
IDC และกระแสไฟฟาราดิก ที่ใช้กระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทตามที่ท่านทราบในทุกประเด็น
2. กระแสไฟฟาราดิกสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทางคลินิกในกรณีใดบ้าง
จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
3. จากคำกล่าวที่ว่า "กระแสไฟฟาราดิกไม่ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ขาดเส้นประสาทมาเลี้ยง"
ท่านเห็นด้วยกับคำกล่าวดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร จงแสดงเหตุผลและยกตัวอย่างที่สมเหตุสมผล
ใบงานแผนการสอนที่
7
-------------------------------------------------------------
1. คำชี้แจง
1. หลังจากนักศึกษาได้อ่านเนื้อหาเรื่อง การกระตุ้นด้วยกระแสไฟตรงแบบเป็นช่วงๆ
(ได้มอบหมายให้อ่านล่วงหน้าก่อนการเรียนการสอน) ให้พิจารณาประเด็นปัญหาที่ให้
โดยนักศึกษาจะต้องเป็นผู้พิจารณาด้วยตนเอง ไม่ปรึกษาหารือผู้อื่น
ใช้เวลา ประมาณ 20 นาทีี
2. จากนั้นให้นักศึกษารวมกลุ่มย่อย และปรึกษาหารือกัน
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันกับเพื่อนๆในกลุ่ม เป็นเวลาประมาณ
20 นาที
3. นำเสนอข้อสรุปที่ได้ในกลุ่ม ใช้เวลากลุ่มละ 5 นาที
----------------------------------------------------------------
1) ท่านเชื่อหรือไม่
เพราะเหตุใด ให้แสดงเหตุผลประกอบ
1. เพราะเหตุใด กระแสไฟฟาราดิกจึงเป็นกระแสที่ไม่สามารถปรับช่วงกระตุ้นและช่วงพักได้
แต่ปรับได้เฉพาะช่วงที่ปล่อยไฟ (surge on) และช่วงที่ไม่มีไฟ (surge
off) จงอธิบายประเด็นดังกล่าวและยกตัวอย่างประกอบสิ่งที่กล่าวอย่างสมเหตุสมผล
2. กระแสไฟฟาราดิก ไม่สามารถทำให้
denervated muscle เกิดการตอบสนอง แต่จะเกิดการตอบสนองเฉพาะ innervated
muscle ท่านเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร จงอธิบายประเด็นดังกล่าวและยกตัวอย่างประกอบสิ่งที่กล่าวอย่างสมเหตุสมผล
3. การกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟาราดิก
จะเจ็บและแสบกว่ากระตุ้นด้วยกระแสไฟ IDC ท่านเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวหรือไม่
อย่างไร จงอธิบายประเด็นดังกล่าวและยกตัวอย่างประกอบสิ่งที่กล่าวอย่างสมเหตุสมผล
4. กระแสไฟฟาราดิกมักใช้ทางคลินิกเพื่อ
1) กระตุ้นกล้ามเนื้อให้แข็งแรง 2) ฝึกการทำงานใหม่ (re-educated muscle)
3) กระตุ้นเพื่อลดบวม 4) กระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ
5) กระตุ้นเพื่อแก้ไขแนวกระดูกสันหลังคด ท่านเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวหรือไม่
อย่างไร จงอธิบายประเด็นดังกล่าวและยกตัวอย่างประกอบสิ่งที่กล่าวอย่างสมเหตุสมผล
2) ในฐานะที่ท่านเป็นนักกายภาพบำบัด
หากท่านจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟาราดิก เพื่อกระตุ้น 1) กระตุ้นกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
2) ฝึกการทำงานใหม่ (re-educated muscle) 3) กระตุ้นเพื่อลดบวม 4)
กระตุ้นเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของกล้ามเนื้อ 5) กระตุ้นเพื่อแก้ไขแนวกระดูกสันหลังคด
1. ปรับไฟที่จะกระตุ้นอย่างไร ? (รูปคลื่น
ช่วงกระตุ้น ช่วงพัก ความถี่ และความแรงของการกระตุ้น)
2. กระตุ้นครั้งละนานกี่ชั่วโมง วันละกี่ครั้ง
สัปดาห์/เดือนละกี่วัน และจะใช้เวลารักษานานเท่าไร
3. ใช้เทคนิคใดเพื่อกระตุ้น (monopolar, bipolar
technique etc
)
4. มีลำดับขั้นตอนกระตุ้นอย่างไร
5. จะต้องทราบข้อมูลเพิ่มเติมอะไรบ้างจึงจะมีความสมบูรณ์
6. จงแสดงวิธีกระตุ้นมา 1 เทคนิค
3) หลังจากปฏิบัติการตามเอกสารประกอบการสอนแล้ว
ให้ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายสรุปถึงลักษณะสำคัญของกระแสไฟฟาราดิก และการใช้งานทางคลินิกปัจจุบัน
โดยนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่
-----------------------------------------------------------
|