1 ความคิดรวบยอด
ความรู้สึกเจ็บปวด คือประสบการณ์ที่เกิดจากปฏิกิริยาที่ซับซ้อนระหว่างทางกายภาพและทางจิตวิทยา
ซึ่งขึ้นกับความรู้สึกไม่สบายและด้านอารมณ์ร่วมด้วย มักเกิดขึ้นขณะที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บของเนื้อเยื่อโดยตรง
เพื่อตอบสนองต่อการบาดเจ็บของร่างกายเพื่อความอยู่รอด การใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นเพื่อการระงับปวดเป็นวิธีหนึ่งในการบำบัดความเจ็บปวด
การระงับอาการปวดโดยเฉพาะอาการปวดข้อเรื้อรังด้วยการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าความถี่ต่ำ
สามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้หลายชนิด เช่น การใช้กระแสไฟแกลแวนิก การใช้กระแส
IDC ที่เหมาะสม (TENS) การใช้กระแสไฟฟาราดิก และการผลักดันตัวยาผ่านผิวหนัง
โดยทั่วไปการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อการบรรเทาอาการปวดมักนิยมใช้กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดเรื้อรัง
และมักเกิดผลแทรกซ้อนจากยาที่รับประทาน หรือการรักษาด้วยวิธีอื่นๆไม่ได้ผลเท่าที่ควร
2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
เมื่อจบการเรียนการสอนนี้แล้ว นักศึกษาสามารถ
1. อธิบายวิธีการให้การรักษาผู้ที่มีอาการปวดด้วยวิธีการกระตุ้นด้วยกระไฟฟ้า
2. ประยุกต์และเลือกเทคนิคการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อบรรเทาอาการปวดให้กับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
3. อธิบายข้อบ่งชี้และข้อควรระวังของการใช้เทคนิคการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเพื่อการระงับปวด้
4. แสดงเทคนิคการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าการระงับปวด
3. เนื้อหา
1. ความรู้สึกเจ็บปวดสามารถแบ่งตามช่วงเวลาและสาเหตุได้เป็น
3 ชนิด คือ อาการปวดเฉียบพลัน อาการปวดเรื้อรัง และอาการปวดร้าว
2. อาการปวดเฉียบพลัน เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นทันทีหลังร่างกายได้รับบาดเจ็บ
และคงอยู่เป็นระยะเวลาน้อยกว่า 6 เดือน
3. อาการปวดเรื้อรังเป็นอาการปวดที่ยังคงอยู่เกินระยะการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ
มักเป็นผลจากการตอบสนองทางจิตวิทยาและ/หรือระบบประสาทที่ทำงานผิดปกติ
4. อาการปวดร้าวเป็นความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณหนึ่งซึ่งห่างออกไปจากจุดที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีพยาธิสภาพ
5. การถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดไปสู่สมอง เริ่มจากตัวรับความรู้สึกส่งสัญญาณความรู้สึกเจ็บปวดเข้าสู่ไขสันหลังไปยังก้านสมองเพื่อส่งต่อไปยังธาลามัสและสมองระดับสูงต่อไป
6. ในภาวะปกติร่างกายจะมีกลไกจากระบบประสาทส่วนกลางเพื่อช่วยปรับและยับยั้งความเจ็บปวด
โดยสมองจะส่งสัญญาณประสาทผ่านเซลล์ประสาทขาลงมายับยั้งการนำสัญญารประสาทความรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณไขสันหลัง
ซึ่งพบหลักฐานสำคัญได้แก่ ตัวรับและสารฝิ่นหลายชนิดได้แก่ endorphins,
enkephalins และ dynorphins เป็นต้น
7. ทฤษฎีที่อธิบายเกี่ยวกับการลดความเจ็บปวดปัจจุบันได้แก่
ทฤษฎีเกี่ยวกับสารฝิ่นในร่างกาย, Gate control theory
8. การรักษาความเจ็บปวดทางการแพทย์สามารถกระทำได้ทั้ง
ด้านอายุรกรรม ด้านศัลยกรรม การฝังเข็ม และวิธีการทางกายภาพบำบัด
9. การกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อระงับปวดสามารถทำให้ในอาการปวดระยะเฉียบพลัน
ปวดเรื้อรัง และปวดร้าว โดยสามารถวางขั้วได้ทั้งบริเวณที่มีอาการเจ็บปวด
วางที่จุดเฉพาะ วางที่ dermatome และไขสันหลังระดับเดียวกับบริเวณที่มีอาการเจ็บปวด
10. การระงับปวดด้วยกระแสไฟฟ้าสามารถใช้กระแสไฟ 1) แกลแวนิก(ดูแผนการสอนที่
1) 2) IDC (ดูแผนการสอนที่ 6) 3) ฟาราดิก (แผนการสอนที่ 7) และ 4)
เทคนิคการผลักดันตัวยาผ่านผิวหนัง (แผนการสอนที่ 5)
11. การปรับความแรงของกระแสเพื่อระงับปวดสามารถปรับได้ทั้งระดับ
1)ต่ำกว่าความรู้สึกรับรู้ 2)ระดับรู้สึกรับรู้ 3)ระดับมอเตอร์ 4)ระดับรู้สึกเจ็บ
4. กิจกรรมการเรียนการสอน
4.1 ขั้นนำ
ผู้สอนทบทวนเรื่อง ชนิดของกระแสไฟฟ้าที่ใช้กระตุ้นเพื่อการรักษา
โดยเฉพาะการรักษาอาการปวดและบวมของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ที่ได้เคยเรียนในบทเรียนก่อนๆ
โดยถามผู้เรียนว่า กระแสไฟฟ้าที่ใช้สำหรับการกระตุ้นเพื่อการระงับปวดและบวมได้แก่
กระแสชนิดใดบ้าง (ผู้เรียนอาจตอบว่า กระแสไฟตรง, กระแสไฟสลับ, กระแสไฟฟาราดิก,
ฯลฯ) ผู้สอนถามนำว่า การเลือกใช้เทคนิคต่างๆมีข้อดีและข้อจำกัด และมีความเหมาะสมแตกต่างกัน
ดังนั้นการเลือกใช้เทคนิคใดนั้นควรจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่างมีวิจารณญาณจากนั้นผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์และกิจกรรมในการเรียน
ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์และกิจกรรมการเรียนการสอน
4.2 ขั้นสอน: เสนอปัญหา/เนื้อหา
ผู้สอนทบทวน ประสาทสรีรวิทยาของความรู้สึกเจ็บปวด
ด้วยการบรรยาย
บรรยายเทคนิคและวิธีการกระตุ้นเพื่อการระงับความรู้สึกเจ็บปวดด้วยกระแสไฟฟ้า
4.2.1 ขั้นพัฒนาทักษะ
1.ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติการเอง
โดยการจับคู่กับเพื่อนสลับเป็นหุ่นและผู้กระตุ้น ตามคู่มือปฏิบัติการจนเกิดความมั่นใจ
รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นขณะทำการกระตุ้น
2.ร่วมกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายผลและปัญหาที่แต่ละคนพบจากการฝึก
สรุปปัญหา และส่งตัวแทนเพื่อนำเสนอประเด็นปัญหาต่อกลุ่มใหญ่ในชั้นเรียน
4.3 ขั้นสรุป
ผู้สอนร่วมกับผู้เรียนร่วมกันสรุปแนวคิด
หลักการ หรือความคิดรวบยอดของทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และสรุปเนื้อหาตามหลักสูตร
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถามประเด็นที่สงสัยทั้งหมด โดยเฉพาะในจุดที่ยังไม่เข้าใจ
โดยผู้สอนจะอธิบายเพิ่มเติมจนผู้เรียนเกิดความเข้าใจทั้งหมดอย่างชัดเจน
4.4 ขั้นพัฒนาการนำไปใช้
ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนนำเทคนิคการกระตุ้นเพื่อการระงับปวดไปใช้ในการระงับปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อทำงานมากเกิด
ภาวะตึงเครียดจากการทำงานในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน เป็นต้น
5. การประเมินผล
เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนแล้วผู้สอนจะประเมินผลการเรียนการสอนดังต่อไปนี้
1. ประเมินความรู้ความเข้าใจตามเนื้อหาในบทเรียน
โดยการสอบย่อยท้ายในแต่ละเรื่อง โดยที่ทุกคนจะต้องทำข้อสอบอย่างเต็มความสามารถ
โดยไม่ช่วยเหลือกันพยายามทำข้อสอบให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของตนเองและเพื่อให้กลุ่มประสบผลสำเร็จในที่สุด
2. ประเมินความรู้ความเข้าใจในบทเรียนโดยใช้ผลงานผู้เรียนเป็นหลัก
แบ่งออกเป็น
1) ผลงานรายบุคคล เป็นผลงานที่ผู้เรียนแต่ละคนปฏิบัติขณะร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน
2) ผลงานของกลุ่ม เป็นผลงานที่ผู้เรียนปฏิบัติร่วมกันเป็นกลุ่มในระหว่างที่ร่วมกิจกรรม
3. การสะท้อนผลการทำงานของกลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มประเมินการทำงานของตนเอง
แล้วเสนอผลการประเมิน และสิ่งที่ต้องการปรับปรุงต่อไป
4. ประเมินกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
โดยคณาจารย์ผู้ร่วมสอน โดยการสังเกตการทำกิจกรรมของผู้เรียนด้วยแบบประเมินพฤติกรรม
และสุ่มสัมภาษณ์ผู้เรียนโดยแบบสัมภาษณ์
-----------------------------------------------------------
|