ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความเชื่อว่าการศึกษาเป็นกระบวนการอันต่อเนื่องและมีระบบระเบียบ โดยมุ่งให้เกิดประสบการณ์ เรียนรู้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมให้บุคคลมีพัฒนาการในด้านพุทธพิสัย เจตพิสัย และทักษะพิสัยอย่างเต็มที่ ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล การศึกษาทั้งในสาขาวิชาชีพและสาขาวิชาทั่วไปจะช่วยทำให้บุคคลเป็นคนได้โดยสมบูรณ์

อาจกล่าวได้ว่าวิชาชีพ กายภาพบำบัดเป็นการสร้างศิลปะทางกายภาพบำบัดโดยยึดหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เข้ามาผสมผสานกัน ในการส่งเสริม ป้องกันและดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยที่มีความบกพร่องในหน้าที่การทำงานของร่างกายและจิตใจ อันเนื่องมาจากโรคหรือภยันตรายต่างๆนานัปการ

นักกายภาพบำบัดนอกจากมีบทบาทเป็นผู้รักษาหรือผู้ให้บริการแล้ว ยังมีบทบาทเป็นครูให้ความรู้แก่ผู้รับบริการ เป็นที่ปรึกษา เป็นนักบริหารและเป็นนักวิจัย กิจกรรมของนักกายภาพบำบัดกว้างขวางมาก ทั้งในโรงพยาบาลและทุกระดับของชุมชน ใช้ตั้งแต่มือเปล่าจนกระทั่งถึงเทคโนโลยีชั้นสูงในการแก้ไขปัญหาทางสุขภาพของประชาชนทุกเพศและทุกวัย

ในสภาพการทำงานส่วนใหญ่นักกายภาพบำบัด เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานสุขภาพ หรือทำงานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคลากรวิชาชีพอื่น ๆ ในทีมงานสุขภาพในทุกระดับของหน่วยงานสาธารณสุข ในการส่งเสริมสุขภาพอนามัย ทั้งในภาวะปกติและภาวะเจ็บป่วย โดยใช้แนวทางของกระบวนการทางกายภาพบำบัด อันประกอบด้วยการตรวจประเมิน การวินิจฉัย การวางแผน การเลือกวิธีการรักษา การให้การรักษาและการประเมินผล การรักษา โดยยึดหลักการของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และโดยพิจารณาแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม (holistic approach) คือ คำนึงถึงบุคคลนั้นในภาพรวมทั้งหมดและบุคคลนั้นในสิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่ วิเคราะห์ ผสมผสานกันระหว่างบุคคลและสิ่งแวดล้อม โดยรู้ถึงสภาพทางจิต สภาพทางอารมณ์และสภาพทางสังคม เศรษฐกิจเช่นเดียวกับสภาพทางร่างกายของผู้ป่วยด้วย

ดังนั้นบัณฑิตกายภาพบำบัดจะต้องมีความสามารถรับผิดชอบในการให้บริการสุขภาพ อนามัยในฐานะนักกายภาพบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในในการปรับแต่งการรักษาได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นโดยคำนึงถึงเอกภาพ (individuality) ของแต่ละบุคคล และพิจารณาแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม รวมทั้งต้องมีความสามารถในการติดต่อสื่อสาร ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถดูแลป้องกันสุขภาพอนามัยของตนเองได้อีก การตรวจประเมิน วินิจฉัยวางแผน ดำเนินการรักษาและประเมินผลการรักษาแล้วยังจะ ต้องมีความสามารถในการปรับแต่งการรักษาได้ตามความเหมาะสม และความจำเป็น โดยคำนึงถึงเอกภาพ (individuality) ของแต่ละบุคคล และพิจารณาแก้ไขปัญหาแบบ องค์รวม รวมทั้งต้องมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารแลความสามารถในการถ่ายทอด ความรู้ เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถดูแลป้องกันสุขภาพอนามัยของตนเองได้อีกด้วย

งานกายภาพบำบัดส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ นอกเหนือไปจากความรู้ทางทฤษฎี จึงเรียนรู้ได้โดยการลงมือปฏิบัติเท่านั้น การเรียนรู้ในภาคปฏิบัติจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญยิ่ง ยิ่งกว่านั้น วิวัฒนาการทางการ แพทย์และทางกายภาพบำบัด มีการเจริญรุดต่อไปอย่างรวดเร็วจึงจำเป็นต้องเตรียม บัณฑิตกายภาพบำบัดให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเสริมสร้างให้ตระหนัก ถึงความจำเป็นในการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาตนเองในด้านวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งการปรับปรุงความชำนาญและเพิ่มพูนประสบการณ์ของตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง

นอกจากนี้บัณฑิตกายภาพบำบัด ยังจะต้องมีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับ งานวิจัยในทางกายภาพ บำบัด สามารถจัดระเบียบและบริหารงานทางกายภาพบำบัดได้ มีทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ ยึดมั่นในคุณธรรมและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพมีความคิด สร้างสรรค์ มีความเป็นผู้นำ รู้จักคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ ตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างมี เหตุผล มีมนุษยสัมพันธ์ดีต่อบุคคลทุกระดับ ตระหนักถึงการทำงานเป็นกลุ่ม ยอมรับ ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นและสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงทั้ง ทางด้านส่วนตัว วิชาชีพ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยยึดมั่นต่อการปฏิบัติตนเป็น พลเมืองดี ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวสังคมและประเทศชาติ


ปรัชญาหลักสูตร / วัตถุประสงค์ของหลักสูตร / โครงสร้างหลักสูตร
รายวิชา / แผนการศึกษา / คำอธิบายรายวิชา

Back to the top